ปลาหมอไทย เลี้ยงให้รายได้ดี

การเลี้ยงปลาหมอไทยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำเกษตรแบบผสมผสานหรือเสริมรายได้ โดยรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมพื้นที่ เลี้ยงดู และจำหน่ายมีดังนี้: **ลักษณะพื้นที่และดินสำหรับบ่อเลี้ยง** ควรเลือกดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย เนื่องจากสามารถกักเก็บน้ำได้ระหว่าง 4-6 เดือน น้ำไม่ควรรั่วซึม พื้นที่ที่เป็นดินทรายหรือดินปนกรวดไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงบางรายเลือกใช้บ่อปูนขนาด 3×3 เมตร หรือ 6×6 เมตร ตามปริมาณปลาที่เลี้ยง **คุณภาพน้ำ** พื้นที่เลี้ยงควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำหรือลำคลองที่มีน้ำไหลตลอดปี หรือในเขตชลประทาน แต่หากอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาถึงปริมาณฝนในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม ปลาหมอสามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำที่มีคุณภาพต่ำหรือใกล้เน่า **การเลือกพันธุ์ปลาหมอ** การเลี้ยงควรอยู่ใกล้แหล่งพันธุ์ปลาเพื่อความสะดวกในการขนส่ง พันธุ์ปลาหมอจิตรลดาได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากทนต่อโรค เลี้ยงง่าย และเจริญเติบโตเร็ว โดยผู้เลี้ยงบางรายยังได้รับใบรับประกันพันธุ์ที่มีคุณภาพ **ตลาดและการจัดจำหน่าย** แม้ว่าผู้ค้าส่วนใหญ่จะมารับซื้อปลาถึงบ่อ แต่การตั้งพื้นที่ใกล้ตลาดจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร สำหรับบ่อกุ้งกุลาดำที่ไม่ได้ใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้เลี้ยงปลาหมอไทยได้ **กระบวนการเพาะพันธุ์ปลาหมอ** วิธีการเพาะพันธุ์โดยปล่อยให้พ่อแม่พันธุ์วางไข่ในบ่อช่วยลดอัตราการตายของลูกปลา การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ต้องดูว่าพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ ตัวเมียจะมีไข่สีเหลืองในท้อง ส่วนตัวผู้จะมีน้ำเชื้อสีขาวคล้ายน้ำนม หลังจากคัดแล้ว จะฉีดฮอร์โมนเร่งการวางไข่ให้ตัวเมีย จากนั้นปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในกระชังที่แขวนให้ลอยในน้ำลึกอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เมื่อตัวเมียวางไข่เสร็จ นำพ่อแม่พันธุ์ขึ้นจากกระชัง ลูกปลาที่ฟักออกมาใช้เวลา 4 วันก่อนเริ่มให้อาหารผงสำเร็จรูปประมาณ…

Read More

ต้นกระบองเพชร การเจริญเติบโตในแต่ละสัปดาห์

ต้นกระบองเพชรมีลักษณะการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น โดยความเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์อาจไม่เห็นได้ชัดเจนนัก ทั้งนี้ อัตราการเจริญเติบโตขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สายพันธุ์ สภาพแวดล้อม การให้แสงแดด ความถี่ในการรดน้ำ และสารอาหารที่ได้รับ กระบองเพชรจะเติบโตได้ดีในสภาพแสงเหมาะสมและการดูแลที่ถูกต้อง โดยปกติแล้ว การเติบโตของกระบองเพชรในหนึ่งสัปดาห์อาจวัดได้จากการเพิ่มขึ้นของขนาดเล็ก ๆ หรือการงอกของหนามใหม่ แต่สำหรับบางสายพันธุ์ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด ดินต้นแบบและดินในท้องถิ่นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยดินต้นแบบสามารถสนับสนุนการเจริญเติบโตของรากและการพัฒนาของหนามตะขอที่มีลักษณะโค้งงอคล้ายตะขอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับดินในท้องถิ่น พบว่า สามารถปลูกต้นกระบองเพชรให้เติบโตได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ กระบองเพชรยังสามารถเจริญเติบโตในดินชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดินทราย แม้แต่ดินร่วนปนทรายของท้องถิ่น ซึ่งโดยธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและปริมาณธาตุอาหารน้อย แต่กลับมีคุณสมบัติที่สามารถอุ้มน้ำและรักษาความชื้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของกระบองเพชรในพื้นที่บ้านหนองคูพัฒนา ดินที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรมากที่สุด คือ ดินจากบริเวณสวนในบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเนื้อนุ่ม ละเอียด อุ้มน้ำได้ดี และช่วยรักษาความชื้น นอกจากนั้น ปัจจัยสำคัญอื่น ได้แก่ การดูแลรักษา โดยเฉพาะแสงที่ต้องเหมาะสม ปริมาณน้ำที่รดต้องสอดคล้องกับลักษณะและชนิดของพืช รวมถึงการใช้ดินอย่างเหมาะสมกับความต้องการของพืช เพื่อป้องกันการเหี่ยวเฉาหรือการตายของต้นพืช ปัจจัยเหล่านี้ล้วนช่วยให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้ดีในหลากหลายพื้นที่ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ควรเลือกพันธุ์กระบองเพชรที่สามารถแตกหน่อหรือติดดอกได้ง่าย เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตและติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโต

Read More

ประโยชน์ของแก่นตะวัน

การปลูกและการขยายพันธุ์แก่นตะวัน ต้นแก่นตะวันถือเป็นพืชที่ปลูกง่ายโดยธรรมชาติ ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี หากดินมีความแข็ง อาจทำให้หัวหรือแง่งมีขนาดเล็ก แต่หากดินไม่แข็งจนเกินไป หัวสามารถเจริญเติบโตได้ดีและมีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมขัง เพราะสภาพแฉะจะทำให้หัวเน่าง่าย **การปลูกแก่นตะวัน** สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่อย่างไรก็ดี แนะนำว่าควรเริ่มปลูกในช่วงปลายฤดูฝน หากปลูกในช่วงฤดูแล้ง จำเป็นต้องมีระบบน้ำที่เหมาะสมเพราะในช่วงแรกพืชต้องการความชื้นสูง โดยควรรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเพื่อเร่งการเติบโตของต้นอ่อน สำหรับวิธีปลูก สามารถใช้หัวหรือแง่งที่สมบูรณ์มาหั่นให้เป็นท่อนขนาด 2-3 เซนติเมตร จากนั้นนำหัวที่หั่นไว้ไปบ่มในถังที่มีความชื้นประมาณ 1 วัน วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการงอกของต้นอ่อน ก่อนนำไปปลูกในแปลง หากไม่ต้องการบ่ม สามารถนำหัวลงปลูกได้ทันที แต่ต้นอาจงอกช้ากว่าเล็กน้อย **ขั้นตอนการเตรียมดิน** เริ่มด้วยการไถพรวนดินครั้งแรกและตากดินไว้ประมาณ 7 วัน จากนั้นจึงไถครั้งที่สองเพื่อทำให้ดินละเอียด และไถอีกครั้งเพื่อสร้างร่องสำหรับปลูก หากต้องการลดเวลาการเตรียมดิน สามารถไถพรวนและชักร่องพร้อมกันได้เลย รูปแบบการปลูกมี 2 วิธีหลักในการปลูก คือ ปลูกด้วยหัวพันธุ์และปลูกด้วยต้นกล้าที่เพาะมาแล้ว การปลูกด้วยหัวพันธุ์ หลังจากเตรียมหัวพันธุ์แล้ว ให้นำหัวพันธุ์ไปคลุกกับยากันเชื้อรา ตามอัตราส่วนที่ระบุไว้บนฉลาก ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้สารซึมเข้าเนื้อหัว ก่อนนำไปหยอดลงในร่องที่เตรียมไว้ ระยะห่างระหว่างต้นควรอยู่ที่ 20 เซนติเมตร…

Read More

เพาะกล้ามะพร้าวต้นเตี้ย

ขั้นตอนปลูกมะพร้าวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นไม่ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง หากใส่ใจในกระบวนการต่างๆ จะช่วยให้ได้ต้นมะพร้าวที่มีคุณภาพดี ตรงกับความต้องการ เริ่มจากการเลือกพันธุ์ที่ดี นำมาเพาะอย่างเหมาะสม และดูแลอย่างใกล้ชิด เริ่มแรก เลือกสวนมะพร้าวพันธุ์ดีที่ตรงกับความต้องการ ควรเลือกสวนที่เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวพันธุ์เดียวกันและมีจำนวนมาก เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ หากเป็นสวนที่ปลูกเพื่อการค้า ย่อมมีโอกาสได้รับต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพมากกว่า สวนควรมีต้นอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และใช้วิธีการดูแลอย่างเหมาะสม ต้นที่เลือกควรไม่มีโรค หรือแมลงระบาด ถ้าแหล่งที่เลือกไม่ได้เป็นสวนมะพร้าวเพื่อการค้า อาจต้องพิจารณาตามความเหมาะสม แต่ผลผลิตอาจไม่แน่นอนเท่าสวนเชิงพาณิชย์ ต่อมา การเลือกต้นพันธุ์ที่ดีที่สุด ควรเจาะจงต้นที่ให้ผลดกสม่ำเสมอตลอดทั้งปี โดยควรศึกษาประวัติผลผลิตย้อนหลัง 3-4 ปี นอกจากนี้ ต้นพันธุ์ควรอยู่บริเวณกลางสวนเพื่อลดโอกาสการผสมข้ามสายพันธุ์ และไม่ควรอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีแหล่งสารอาหารเสริม เช่น ใกล้บ้านหรือคอกสัตว์ เพราะอาจทำให้คุณภาพต้นพันธุ์แตกต่างจากต้นอื่นในสวน ลักษณะต้นควรลำต้นตรง แข็งแรง ปล้องถี่ พุ่มใบเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม มีจั่นผลอย่างน้อย 10 จั่น และให้ผลมีขนาดใหญ่กับลักษณะเปลือกและเนื้อที่เหมาะสม ส่วนผลพันธุ์ควรไม่มีโรคหรือรอยแตกเสียหาย การเตรียมผลพันธุ์ก่อนเพาะ ควรปาดเปลือกด้านหัวออกให้มีขนาดใกล้เคียงผลส้มเขียวหวาน เพื่อช่วยให้น้ำซึมเข้าไปในผลมะพร้าวได้ดีขณะเพาะ และทำให้หน่องอกง่ายขึ้น หากผิวผลยังไม่แก่จัด ให้ผึ่งในที่ร่มจนเปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แล้วค่อยนำไปเพาะ ควรเตรียมผลคร่าวๆ ไว้เผื่อประมาณ 2 เท่าของจำนวนหน่อที่ต้องการ เพราะมีโอกาสพบว่าผลบางส่วนอาจไม่งอกหรือหน่อไม่สมบูรณ์…

Read More

วิธีการปลูกถั่วฝักยาวในกระถาง

วิธีปลูกถั่วฝักยาวในกระถางสามารถทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้บ้านหรือสวนอีกด้วย นอกจากจะให้ผลผลิตสำหรับบริโภคแล้ว ยังสามารถใช้เป็นไม้ประดับที่สร้างร่มเงา โดยให้ต้นถั่วเลื้อยบนระแนงหรือนั่งร้าน ดูคล้ายม่านสีเขียวที่มีเสน่ห์ เพียงแต่ควรระวังเรื่องสัตว์เลื้อยคลานและการจัดที่เพาะปลูกให้เหมาะสม ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็ว มีอายุต้นประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ด โดยจะเริ่มให้ผลผลิตในช่วง 45-50 วัน ทั้งนี้ เมล็ดสามารถเก็บไว้เพาะใหม่ได้ภายในอายุนานถึง 2 ปี การทำค้างให้ถั่วฝักยาวและเพิ่มผลผลิต เมื่อต้นถั่วมีอายุประมาณ 15–20 วัน จะเริ่มมีใบจริง 4-5 ใบ และทอดยอดเพื่อมองหาที่เกาะ ควรเตรียมไม้ค้างตัวช่วย มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณครึ่งนิ้ว ยาว 2-2.5 เมตร ปักใกล้หลุมปลูก จากนั้นจับยอดให้พันรอบไม้ค้างตามทิศทวนเข็มนาฬิกา การเด็ดยอดเมื่อถั่วสูงประมาณ 1 เมตร ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดยอดใหม่หลายกิ่ง แต่ไม่ควรมียอดเกิน 3-4 กิ่งต่อต้นเพื่อป้องกันการแย่งสารอาหาร หากต้องการให้ผลผลิตดี ควรเสริมปุ๋ยทุกสัปดาห์ เนื่องจากถั่วฝักยาวเป็นพืชอายุสั้นและโตเร็ว การดูแลระหว่างปลูก แม้ว่าการพรวนดินจะไม่สำคัญมากในการปลูกกระถาง แต่หากปลูกลงดิน ควรถอนวัชพืชในช่วง 7-10 วันแรกหลังปลูก และอีกครั้งพร้อมกับการใส่ปุ๋ยครั้งที่สอง การตัดกิ่งล่างของต้นก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ถั่วให้ผลผลิตที่อวบเต่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อฝักมีโอกาสสัมผัสดิน อาจทำให้เกิดโรคหรืองอกใหม่ได้ง่าย…

Read More

การปลูกมะเขือย าว

ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่อยู่ในช่วง 5.5-6.5 โดยเฉลี่ยแล้ว พืชผลสามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานถึงประมาณ 2 ปี แต่ปัจจุบันพืชชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ผลผลิตลดลงหรือคุณภาพไม่ดี มีลักษณะแคระแกร็นหรือผิดรูป และในบางครั้งยังเกิดภาวะขาดตลาดอีกด้วย สำหรับผู้ที่ปลูกไว้บริเวณบ้าน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะสามารถใช้บริโภคเองได้ และการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก ทั้งในกระถางหรือปลูกลงแปลงดินก็ได้ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทางสมุนไพรที่หลากหลาย เช่น ลำต้นและรากช่วยแก้บิดเรื้อรัง อุจจาระเป็นเลือด หรือรักษาแผลอักเสบ ใบนำไปต้มดื่มแก้ปัสสาวะขัด และรักษาโรคหนองใน ใบสดก็ตำพอกแผลหนองเพื่อบรรเทาอาการ ส่วนผลแห้งสามารถทำเป็นยาเม็ดรักษาอาการปวดหรือตกเลือดในลำไส้ ขณะที่ขั้วผลแห้งสามารถเผาเป็นเถ้าบดละเอียดและใช้เป็นยาได้ การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตเร็วและมีคุณภาพ ต้องเริ่มต้นจากการเตรียมดินอย่างเหมาะสม เพราะพืชตระกูลมะเขือมีความต้องการธาตุอาหารจากดินในปริมาณมาก โดยเฉพาะธาตุอาหารหลัก หากเป็นการปลูกลงแปลง ควรเริ่มจากปรับหน้าดินให้เรียบ ผสมดินกับปุ๋ยคอกในอัตรา 1:1 และพูนดินหรือขุดร่องลึกประมาณ 20 นิ้ว ตากดินให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนนำมาผสมกับปุ๋ยเพื่อกลบลงในร่อง ส่วนปลูกในกระถาง ควรรองก้นกระถางด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักครึ่งกระถาง แล้วกลบด้วยดินผสมปุ๋ยหมักอีกชั้น สำหรับการเพาะกล้า สามารถหว่านเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือถ้าปลูกในกระถาง ให้หยอดเมล็ด 2-3 เมล็ดต่อกระถางแล้วกลบด้วยดินผสมบาง ๆ พร้อมคลุมด้วยเศษหญ้าแห้งหรือฟางเพื่อรักษาความชื้น ระยะเริ่มต้นควรรดน้ำวันละ…

Read More

การปลูกแก้วมังกร

เทคนิคการกระตุ้นให้แก้วมังกรออกผลนอกฤดูนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ต้นแก้วมังกรจัดเป็นพืชในตระกูลตะบองเพชรที่ชื่นชอบแดดจัด มักให้ผลผลิตช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว วันที่สั้นลงและแดดลดเหลือไม่ถึง 6 ชั่วโมง กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้การผลิตผลช่วงนี้เป็นเรื่องท้าทาย สำหรับวิธีปลูกแก้วมังกรนอกฤดูที่นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์ มีอยู่ 2 วิธีหลัก ดังนี้ 1. ใช้ฮอร์โมนกระตุ้นให้ต้นแก้วมังกรออกดอก โดยการแต้มฮอร์โมนตามหนามของต้นเพื่อเร่งการออกดอก ฮอร์โมนที่นิยมใช้ส่วนใหญ่เป็นประเภทไซโตไคนิน ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วไป ขั้นตอนคือ กรีดแผลบริเวณที่ต้องการกระตุ้น จากนั้นใช้พู่กันแต้มฮอร์โมนบริเวณบาดแผล แล้วรอให้เกิดตาดอก แนะนำให้กรีดแผลในบริเวณที่ต่ำกว่ายอดของกิ่งแก้วมังกรเล็กน้อย 2. การเปิดไฟช่วยในช่วงกลางคืน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนชั่วโมงแสงในหน้าหนาว โดยเปิดไฟประมาณ 6 ชั่วโมงต่อคืน เมื่อกลางวันสั้นลง แสงไฟจะเสริมให้ต้นแก้วมังกรได้รับแสงเพียงพอและเพิ่มความอบอุ่น ทำให้สามารถกระตุ้นการเกิดผลผลิตได้ดี โดยควรมุ่งเปิดไฟบนต้นที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงเท่านั้น การเพิ่มปริมาณแสงด้วยไฟหลอกสามารถทำได้ทุกช่วง ไม่จำกัดเฉพาะฤดูหนาว แต่ไม่ควรเปิดไฟหลอกทั้งปี เพราะอาจส่งผลเสีย เช่น เพิ่มค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า และทำให้ต้นแก้วมังกรอ่อนแอจากการเร่งผลิตผลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อรุ่นถัดไป ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ ความหวาน หรือคุณภาพน้ำหนักของผลผลิต นอกจากวิธีดังกล่าว การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมและการดูแลต้นให้แข็งแรง ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การปลูกแก้วมังกรนอกฤดูประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ

Read More

การปลูกเห็ดนางฟ้าสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง

การเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นกระบวนการสร้างรายได้ที่สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้ตามความพร้อมของผู้เพาะ โดยมีขั้นตอนดังนี้: 1. การเตรียมอุปกรณ์และการลงทุนเริ่มต้น ในช่วงเริ่มแรกจำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์สำหรับการเพาะ เช่น หม้อนึ่งความดัน ขวดต้ม วัสดุเพาะ ขี้เลื่อย และอื่น ๆ การลงทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดการผลิต หากมีงบประมาณจำกัด สามารถปรับใช้โรงเรือนเดิมที่มีอยู่ได้ หรือเลือกลงทุนเฉพาะบางขั้นตอน เช่น การซื้อก้อนเชื้อสำเร็จรูปมาทำต่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อน 2. เริ่มต้นด้วยการผลิตเชื้อวุ้น และเชื้อข้าวฟ่างเพื่อเพาะเห็ด ในขั้นตอนนี้ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ซื้อเชื้อสำเร็จรูปมาใช้ก่อนเนื่องจากการผลิตเองต้องใช้อุปกรณ์และความชำนาญ ความไม่ชำนาญอาจทำให้ต้นทุนสูงเกินควร เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นในระยะ 1-2 ปี สามารถเริ่มทำเชื้อเองได้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย การทำเชื้อวุ้นนั้นใช้อุปกรณ์ เช่น วุ้น PDA และเมล็ดข้าวฟ่าง ซึ่งให้ผลผลิตคุณภาพสูงกว่าขี้เลื่อยธรรมดา อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการทำข้าวฟ่างก็สูงกว่าเช่นกัน 3. การทำหัวเชื้อเห็ดนางฟ้า วัสดุสำหรับทำหัวเชื้อ เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา (หรือขี้เลื่อยไม้ชนิดอื่น) ผสมกับรำละเอียด แป้งข้าวเจ้า/น้ำตาลทราย ดีเกลือ และปูนขาว ให้ได้ความชื้นอยู่ระหว่าง 60-70% จากนั้นหมักไว้ประมาณ 7-10 วัน วัสดุที่ใช้ในการถ่ายเชื้อจะต้องสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อน หลังจากเตรียมวัสดุเสร็จ…

Read More

เทคนิคการปลูกพริกขี้หนูแบบธรรมชาติ

หลังจากพรวนดินเสร็จ ให้ปล่อยดินไว้กลางแดดประมาณสัปดาห์กว่าๆ ก่อนเริ่มลงมือปลูกเมล็ดพริกที่เก็บไว้เป็นพันธุ์ โดยใช้ไม้ขีดเส้นตรงร่องดินให้ลึกประมาณความกว้างของเล็บมือ จากนั้นโรยเมล็ดพริกให้ห่างกันเล็กน้อยราวหนึ่งข้อนิ้วมือ แล้วกลบดินบางๆ ไม่ต้องหนามาก เพียงไม่กี่วันพริกก็จะแทงยอดขึ้นมา ให้ปล่อยไว้หลายวันเพื่อสังเกต หากต้นใดดูโตไม่ทันต้นอื่น ก็ให้เด็ดทิ้งเหลือเพียงต้นที่แข็งแรงและมีใบ 2-3 ใบ เมื่อเวลาผ่านไป ต้นพริกที่สมบูรณ์จะเจริญเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนต้นที่เด็ดยอดไปก่อนหน้าจะแตกยอดใหม่และเติบโตต่อโดยไม่ต้องใส่ใจมากนัก จากประสบการณ์ การปลูกพริกแบบปลอดสารไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือเลือกพันธุ์ที่แข็งแรงทนทาน และปล่อยให้พริกเติบโตตามธรรมชาติ อย่าคาดหวังว่าจะไม่มีปัญหาเลย แต่หากปลูกในปริมาณไม่มากมักจัดการได้ง่าย เทคนิคการปลูกพริกขี้หนูแบบธรรมชาติก็ง่ายมาก สำหรับพันธุ์ ให้ผลิตเองโดยใช้พริกสุกที่ต้องการ นำมาตากแดดพอแห้ง จากนั้นแกะเมล็ดออกมาและแช่น้ำไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนนำไปปลูก การปลูกแบบนี้ทำให้คล้ายธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องดูแลมาก ปลูกข้างบ้านแบบสบายๆ รดน้ำเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เมื่อถึงช่วงที่ต้นพริกเริ่มให้ผลผลิต สามารถเก็บไว้ทำพันธุ์ปลูกต่อไปได้ ต้นพริกเองจะปรับตัว จนกลายเป็นพันธุ์ที่แข็งแรงทนทาน ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นานหลายปี หากต้องการให้พริกเผ็ดมาก ก็ให้น้ำน้อยลง และพยายามสร้างความแตกต่างของอุณหภูมิในดิน โดยปล่อยให้ช่วงแห้งแล้งดินร้อนมากๆ และเมื่อรดน้ำก็รดให้ชุ่มเต็มที่ สลับกันแบบนี้สัปดาห์เว้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความเผ็ดของพริกขี้หนูดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับสถานที่ปลูกด้วย พริกขี้หนูทางภาคเหนือมักสู้ความเผ็ดของพริกในภาคใต้ไม่ได้ และพริกที่ปลูกในสวนยังเผ็ดน้อยกว่าพริกที่ปลูกในไร่ จากการทดลองส่วนตัว พบว่าพริกขี้หนูภาคใต้มีความเผ็ดที่สุดเมื่อเทียบกันเม็ดต่อเม็ด แต่เมื่อย้ายพันธุ์จากภาคใต้ไปปลูกในเมือง ความเผ็ดกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ใครมีข้อมูลหรือคิดเห็นเพิ่มเติมก็อยากเชิญมาแชร์กันครับ

Read More

วิธีการปลูกมะเขือเปราะ

การปลูกมะเขือเปราะได้รับความนิยมด้วยวิธีที่ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม หากสามารถหาต้นมะเขือพวงหรือต้นไม้ในตระกูลมะเขือที่มีอายุยืนมาใช้ในการเสียบยอดหรือทาบกิ่งได้ จะช่วยเพิ่มคุณค่าและความหลากหลาย โดยบทความนี้มีเป้าหมายเพื่อแนะนำขั้นตอนการเสียบยอดและการทาบกิ่ง เพื่อให้คุณสามารถปลูกมะเขือหลากชนิดในต้นเดียวกัน น่าสนใจใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นติดตามเคล็ดลับดีๆ ในการปลูกกันได้เลย **วิธีปลูกมะเขือเปราะจากเมล็ด** เริ่มจากการเลือกเมล็ดที่คุณภาพดี จากนั้นนำไปแช่ในน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงประมาณ 20 นาที เตรียมภาชนะเพาะเช่นถาดเพาะ แล้วผสมดินกับปุ๋ยคอกลงในภาชนะ หากพ่นหัวเชื้อจุลินทรีย์ลงบนดินอีกครั้งจะเพิ่มคุณค่าให้ดินพร้อมปลูก ใช้นิ้วหรือไม้เจาะดินให้เป็นหลุมลึก 3-5 ซม. ใส่เมล็ดลงไป กลบดินบางๆ และวางถาดเพาะในที่ร่ม เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 5-7 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก ให้รดน้ำในช่วงเช้าวันละครั้ง และเมื่อต้นอ่อนมีใบคู่สามารถนำออกแดดครึ่งวันเพื่อเร่งการเจริญเติบโต หลัง 20-30 วัน คุณจะสามารถย้ายกล้าลงปลูกในกระถางหรือแปลงได้ โดยดูแลต้นด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงและปุ๋ยคอก รดน้ำวันละครั้ง แต่ระวังอย่าให้ดินแห้งจนเกินไป เมื่อต้นมะเขือเริ่มแตกกิ่งใหม่ ให้เด็ดยอดเพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งเพิ่มและสร้างทรงพุ่มสวยงาม หากต้นเริ่มออกดอกควรรักษาโครงสร้างให้สมบูรณ์ ด้วยการกำจัดผลที่มีปัญหา เช่น ผลที่ถูกเจาะโดยแมลงหรือหนอน อาจพ่นน้ำส้มควันไม้เพื่อแก้ไขปัญหาแมลงรบกวน **การใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง** สามารถทำหัวเชื้อจุลินทรีย์นี้ใช้เองได้ไม่ยุ่งยาก เพราะนอกจากช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดินแล้ว ยังปรับปรุงอัตราการดูดซึมของพืชได้ดี และไม่มีสารอันตราย จึงเหมาะกับใช้บ่อยเพื่อดูแลต้นมะเขือของคุณ เทคนิคเพิ่มอายุการเก็บเกี่ยวของมะเขือ** เนื่องจากมะเขือเปราะมีอายุสั้นเพียงปีเศษ เกษตรกรจึงพยายามหาวิธีลดการปลูกซ้ำหลายรอบ วิธีหนึ่งคือการเพิ่มปริมาณลูกมะเขือด้วยเทคนิคเด็ดยอด รวมถึงการเสียบยอดมะเขือพันธุ์ต่างๆ บนต้นตอมะเขืออายุยืน…

Read More