วิธีปลูกแครอท ให้หัวโตๆ

วิธีการปลูกแครอทให้ได้ผลผลิตที่หัวใหญ่และสมบูรณ์ อาจเริ่มต้นจากการเลือกดินที่เหมาะสม โดยแครอทต้องการดินร่วนปนทรายที่มีความโปร่งและระบายน้ำได้ดี เพราะรากของแครอทจะเจริญเติบโตลงในดิน ดังนั้นหากดินแน่นเกินไปอาจทำให้หัวแครอทบิดเบี้ยวหรือไม่โตเต็มที่ได้ นอกเหนือจากการเลือกดิน ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือมูลสัตว์ที่ผ่านการหมักเป็นอย่างดีลงในดินก่อนปลูก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและปรับความสมบูรณ์ของดิน การเตรียมแปลงปลูกควรพรวนดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตรเพื่อให้ดินร่วนพอเหมาะ ารปลูกแครอทใช้เวลาประมาณ 100-120 วัน หัวแครอทจะพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุและขนาดเหมาะสม วิธีเก็บคือการขุดหรือถอนให้หัวหลุดออกมาทั้งต้น จากนั้นนำมาล้างรากให้สะอาด และผึ่งให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้ เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด ควรนำแครอทไปปรุงให้สุก ความร้อนช่วยทำลายผนังเซลล์ของหัวผัก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรง และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ แครอทยังสามารถนำมาทำเป็นสูตรบำรุงผิว โดยการนำแครอทนึ่งจนสุก บดละเอียด และพอกหน้าประมาณ 5-10 นาที จะช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ชาวอเมริกันถือว่าแครอทเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้รักษาโรคหลากหลาย เช่น โรคประสาท โรคผิวหนัง และหืดหอบ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายควบคู่กันไป จะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

Read More

ปลูกทุเรียนให้ประสบความสำเร็จ

การปลูกทุเรียนให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการดูแลและการจัดการที่เหมาะสมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตั้งต้นเลือกพื้นที่ปลูก ควรมองหาพื้นที่ที่มีดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีความเป็นกรด-ด่างในระดับที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของทุเรียน การเลือกพันธุ์ที่เข้ากับสภาพภูมิอากาศและดินในพื้นที่ก็สำคัญไม่แพ้กัน หลังจากปลูกแล้ว ต้องมีการดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงแห้งแล้ง และยังต้องคอยสังเกตศัตรูพืชและโรคต่างๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมปัญหาไม่ให้ลุกลาม นอกจากนี้ การใส่ปุ๋ยด้วยสูตรที่เหมาะสมในแต่ละช่วงการเติบโตของต้นจะช่วยส่งเสริมให้ทุเรียนเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ หากผู้ปลูกปฏิบัติอย่างถูกต้องและใส่ใจในรายละเอียดทุกส่วน โอกาสประสบความสำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากหายหน้าหายตาไปสักพัก เพราะพยายามหาเวลามาเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับระบบน้ำในแปลงเกษตรโดยใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ เพื่อเสริมสร้างคลังความรู้พื้นฐานของตัวผมเอง การอบรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสถานที่ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสวนทุเรียนทั้งนั้น นับว่าโชคดีที่ได้พบเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นบ้าง เจ้าของสวนที่มาเข้าร่วมส่วนใหญ่สามารถออกแบบระบบน้ำและจัดการดูแลแปลงของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการได้เห็นมุมมองและประสบการณ์ที่เขาแชร์ก็ช่วยเปิดโลกให้ผมไม่น้อย ส่วนตัวผมยังเพิ่งเริ่มต้นปลูกทุเรียน จึงลงต้นไว้ไม่มากนักด้วยขาดทั้งแหล่งข้อมูลและความเข้าใจในเรื่องนี้ ตอนนี้จึงมีเพียง 13 ต้นเท่านั้น ระหว่างช่วงพักเบรกสั้นๆ ผู้เข้าอบรมต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสวนของตัวเอง มีศัพท์เฉพาะที่พวกเขาใช้ในการพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับทุเรียน ซึ่งทำให้ผมนั่งฟังไปแบบงงๆ อยู่บ้าง ประหนึ่งเหมือนตอนที่เราอธิบายเรื่องศัพท์เทคนิคด้านคอมพิวเตอร์หรือการทำงานของแอปพลิเคชันให้คนทั่วไปฟังแล้วเขาไม่เข้าใจ อีกกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นมาเสียงดังพอให้ได้ยินว่า คนที่จะปลูกทุเรียนต้องมี “เงิน เวลา แหล่ง และความรู้” ผมได้ยินแล้วก็อดคิดตามไม่ได้ว่าคำพูดนี้ถูกต้องทุกอย่าง เงินต้องเอาไว้ซื้อยา ปุ๋ย และติดตั้งระบบน้ำ เวลาไว้ดูแลปรับปรุงสวน แถมต้องหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ถ้าใครคิดจะปลูกจริงๆ ต้องมีความตั้งใจและเอาใจใส่ให้มาก เพราะการปลูกต้นอย่างเดียวไม่ทำให้สวนสำเร็จ ยังต้องแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย เมื่อกลับมาสำรวจสวนทุเรียนของตัวเอง ผมยังข้องใจกับปัญหาว่าทำไมต้นทุเรียนของผมดูไม่งาม ยอดใหม่แตกออกมากลับไม่สม่ำเสมอกัน และบางส่วนแห้งเฉายิ่งกว่าเดิม ผมจึงตัดสินใจปรึกษาผู้รู้…

Read More

เทคนิคสำหรับการเลี้ยงวัวเนื้อมือใหม่

1. การเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงวัว พื้นที่สำหรับเลี้ยงวัวเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากวัวต้องการสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตและใช้ชีวิตจนกว่าจะพร้อมสำหรับการจำหน่าย วัวเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างพอ ปัจจุบัน การเลี้ยงวัวแบ่งออกเป็นสองรูปแบบหลัก ได้แก่ – การเลี้ยงแบบปล่อยในทุ่งหรือชนบท ซึ่งต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิด และพื้นที่ที่มีหญ้าธรรมชาติให้วัวกินได้อย่างเพียงพอ – การเลี้ยงแบบฟาร์ม ซึ่งต้องมีการจัดคอกและรางอาหาร รางน้ำที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด และมีพื้นที่ในคอกที่กว้างขวาง เพียงพอต่อจำนวนวัว 2. การเลือกสายพันธุ์วัวเนื้อ การเลือกสายพันธุ์วัวถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ควรพิจารณาจากความเหมาะสมของสายพันธุ์ต่อวิธีการเลี้ยงและสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากสายพันธุ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้วัวเติบโตยาก หรือน้ำหนักต่ำเมื่อถึงเวลาจำหน่าย สายพันธุ์ที่นิยมสำหรับเลี้ยงมีทั้งวัวเนื้อพันธุ์พื้นเมือง วัวเนื้อพันธุ์จากต่างประเทศ รวมถึงสายพันธุ์ผสมที่พัฒนาให้เหมาะสมกับท้องถิ่น 3. การศึกษาและหาความรู้เพิ่มเติม ผู้เลี้ยงควรศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์และธรรมชาติของวัวที่เลือกเลี้ยง เพื่อปรับวิธีการเลี้ยงให้เหมาะสม ควรทราบถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้วัวป่วย รวมถึงจุดเด่นของสายพันธุ์เหล่านั้น ที่จะช่วยให้การเลี้ยงมีประสิทธิภาพ วัวเติบโตไว แข็งแรง น้ำหนักเหมาะสม และขายได้ราคาดี 4. การศึกษาเรื่องกลไกตลาด นอกจากทักษะในการเลี้ยง เกษตรกรควรศึกษาด้านตลาดเพื่อขายวัวในราคาที่คุ้มค่า ค้นหาแหล่งรับซื้อที่เหมาะสม รวมถึงเข้าใจจังหวะในการจำหน่าย เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เพราะความสำเร็จจากการเลี้ยงวัวเนื้อนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เรื่องวัวโตแข็งแรงหรือได้ลักษณะดีเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจกลไกตลาดเพื่อทำกำไรสูงสุดอีกด้วย 5. การลดต้นทุนการเลี้ยง อีกหนึ่งปัจจัยสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงวัวเนื้อ คือการหาวิธีลดต้นทุนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ เช่น การใช้วัตถุดิบอาหารราคาประหยัดแต่มีคุณค่า…

Read More

ปลูกถั่วฝักยาวให้ได้ผลดี

การปลูกถั่วฝักยาวแบบอินทรีย์ให้ผลผลิตที่ดีและเหมาะสมต้องเริ่มจากการเตรียมการอย่างละเอียด ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ไปจนถึงการดูแลรักษาแปลงปลูก ดังนี้ 1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์ สำหรับพื้นที่ 1 ไร่ ควรใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3-4 กิโลกรัม เลือกเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี ไม่มีความเสียหายหรือแตกหัก นำไปคลุกเคล้าด้วยสารป้องกันแมลง เพื่อป้องกันความเสียหายในช่วงเริ่มต้นของการปลูก 2. การเตรียมหลุมปลูก จัดระยะห่างระหว่างแถว 0.8-1 เมตร และระหว่างหลุม 0.5 เมตร (หรือปรับตามความเหมาะสม) หลุมควรลึกประมาณ 5-6 นิ้ว โรยใบคูนแห้งหรือใบหางนกยูงที่ก้นหลุม ใส่ปุ๋ยเคมีสูตรที่เหมาะสม เช่น 15-15-15 หรือ 12-24-12 ในปริมาณ 10-15 กรัมต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดด้วยดินบางๆ 3. การหยอดเมล็ด ใส่เมล็ดในหลุมละ 3-4 เม็ด ปิดกลบด้วยดินลึกประมาณ 5 เซนติเมตร จากนั้นรดน้ำทันที ช่วง 1-7 วันแรก ควรรดน้ำวันละครั้ง และปรับตามสภาพอากาศและสภาพดิน 4. การดูแลต้นกล้า หลังจากหว่านเมล็ดไปประมาณ 7…

Read More

การปลูกมะละกอฮอลแลนด์

ธีปลูกมะละกอจากเมล็ดให้ได้ผลผลิตที่ดีและต้นแข็งแรง พร้อมกับการดูแลรักษาเพื่อให้ต้นมะละกอมีผลผลิตต่อเนื่องเป็นเวลานาน **ขั้นตอนการปลูกมะละกอด้วยเมล็ด** ข้อดีของการปลูกมะละกอจากเมล็ดคือได้ต้นที่มีรากแก้วแข็งแรง และหากนำต้นที่ได้ไปเสียบยอดกับต้นอื่นที่ปลูกด้วยเมล็ด จะช่วยเพิ่มผลผลิตและทำให้ต้นออกลูกดกยิ่งขึ้น 1. นำเมล็ดมะละกอมาแช่น้ำนาน 3 คืน โดยเปลี่ยนน้ำที่แช่บ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง 2. หลังจากแช่เสร็จ ให้นำเมล็ดมาเพาะในถุงดินที่เตรียมไว้ โดยใส่ถุงละ 3-4 เมล็ด 3. รดน้ำให้ดินชุ่ม ประมาณ 9-10 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก 4. ดูแลรดน้ำพอชุ่มวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตดี **การเตรียมดินและขั้นตอนการปลูกมะละกอสายพันธุ์ฮอลแลนด์** 1. ไถพื้นที่และตากดินทิ้งไว้ประมาณ 5 วัน 2. ขุดหลุมปลูกลึกประมาณ 30 ซม. โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นที่ 2.5 x 2.5 เมตร (1 ไร่ สามารถปลูกได้ประมาณ 250 ต้น) 3. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้พืช 4. นำกล้าต้นมะละกอลงปลูกในหลุม แล้วกลบดินให้แน่น…

Read More

การปลูกกล้วยด่างฟลอริด้า

กล้วยด่างฟลอริด้า เป็นพืชในวงศ์ MUSACEAE ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Musa Florida Variegated โดยมีการค้นพบครั้งแรกบนเกาะฮาวายเมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในแถบตอนใต้ของฟลอริด้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อที่ใช้เรียกกันจนถึงปัจจุบัน ยังมีการกล่าวว่าเคยมีการนำกล้วยชนิดนี้ไปจัดแสดงในงาน World Fair Expo ที่ฟิลาเดลเฟีย แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ สำหรับกล้วยด่างฟลอริด้า ต้นนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เนื่องจากมีลำต้นและใบที่คล้ายกับกล้วยทั่วไป แต่ลวดลายด่างของมันเป็นสิ่งที่แตกต่าง โดยแต่ละต้นจะมีความหลากหลายไม่ซ้ำกัน ลวดลายด่างสีขาวหรือเหลืองผสมสลับกับสีเขียวไปตามแนวเส้นใบ หากมองเผินๆ อาจให้ความรู้สึกคล้ายลายพรางของทหาร และช่วยให้มันกลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง การเลี้ยงดูในระยะแรกนั้น ต้องเริ่มจากการเลือกต้นกล้าที่มีความแข็งแรง โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน่อและรากมีความสมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลหรืออาการเน่าเสีย รวมถึงใบควรมีลวดลายด่างเด่นชัด และปราศจากโรคหรือรอยไหม้ เมื่อได้ต้นกล้ามาแล้ว ควรแช่น้ำยากันเชื้อรา น้ำยากำจัดแมลง รวมถึงน้ำยาเร่งราก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาผึ่งให้แห้งก่อนปลูกลงในดิน การเตรียมดินสำหรับปลูกกล้วยด่างฟลอริด้าต้องให้ความสำคัญกับการระบายน้ำ ควรใช้ดินร่วนผสมกับดินดำและปุ๋ยอินทรีย์ในปริมาณเล็กน้อย เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่รากจะเน่า ควรหลีกเลี่ยงการใช้เศษใบไม้แห้งโดยตรง เพราะอาจทำให้ดินร้อนเกินไปได้ ในช่วงแรกของการเพาะปลูก ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแบบทีละน้อยและบ่อยครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการให้ปุ๋ยเกินปริมาณ ไม่ควรจัดวางไม้ด่างไว้ในสภาพแสงแดดจัด แนะนำให้ตั้งไว้ในพื้นที่ที่มีแสงรำไรเพื่อเสริมความแข็งแรงของต้นและใบ สามารถใช้ปุ๋ยเคมีเร่งการเติบโตได้เดือนละครั้ง เพื่อกระตุ้นการพัฒนาของต้นกล้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

Read More

เทคนิคการปลูกพริกขี้หนูแบบธรรมชาติ

หลังจากพรวนดินเสร็จ ให้ปล่อยดินไว้กลางแดดประมาณสัปดาห์กว่าๆ ก่อนเริ่มลงมือปลูกเมล็ดพริกที่เก็บไว้เป็นพันธุ์ โดยใช้ไม้ขีดเส้นตรงร่องดินให้ลึกประมาณความกว้างของเล็บมือ จากนั้นโรยเมล็ดพริกให้ห่างกันเล็กน้อยราวหนึ่งข้อนิ้วมือ แล้วกลบดินบางๆ ไม่ต้องหนามาก เพียงไม่กี่วันพริกก็จะแทงยอดขึ้นมา ให้ปล่อยไว้หลายวันเพื่อสังเกต หากต้นใดดูโตไม่ทันต้นอื่น ก็ให้เด็ดทิ้งเหลือเพียงต้นที่แข็งแรงและมีใบ 2-3 ใบ เมื่อเวลาผ่านไป ต้นพริกที่สมบูรณ์จะเจริญเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนต้นที่เด็ดยอดไปก่อนหน้าจะแตกยอดใหม่และเติบโตต่อโดยไม่ต้องใส่ใจมากนัก จากประสบการณ์ การปลูกพริกแบบปลอดสารไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือเลือกพันธุ์ที่แข็งแรงทนทาน และปล่อยให้พริกเติบโตตามธรรมชาติ อย่าคาดหวังว่าจะไม่มีปัญหาเลย แต่หากปลูกในปริมาณไม่มากมักจัดการได้ง่าย เทคนิคการปลูกพริกขี้หนูแบบธรรมชาติก็ง่ายมาก สำหรับพันธุ์ ให้ผลิตเองโดยใช้พริกสุกที่ต้องการ นำมาตากแดดพอแห้ง จากนั้นแกะเมล็ดออกมาและแช่น้ำไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนนำไปปลูก การปลูกแบบนี้ทำให้คล้ายธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องดูแลมาก ปลูกข้างบ้านแบบสบายๆ รดน้ำเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เมื่อถึงช่วงที่ต้นพริกเริ่มให้ผลผลิต สามารถเก็บไว้ทำพันธุ์ปลูกต่อไปได้ ต้นพริกเองจะปรับตัว จนกลายเป็นพันธุ์ที่แข็งแรงทนทาน ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นานหลายปี หากต้องการให้พริกเผ็ดมาก ก็ให้น้ำน้อยลง และพยายามสร้างความแตกต่างของอุณหภูมิในดิน โดยปล่อยให้ช่วงแห้งแล้งดินร้อนมากๆ และเมื่อรดน้ำก็รดให้ชุ่มเต็มที่ สลับกันแบบนี้สัปดาห์เว้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความเผ็ดของพริกขี้หนูดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับสถานที่ปลูกด้วย พริกขี้หนูทางภาคเหนือมักสู้ความเผ็ดของพริกในภาคใต้ไม่ได้ และพริกที่ปลูกในสวนยังเผ็ดน้อยกว่าพริกที่ปลูกในไร่ จากการทดลองส่วนตัว พบว่าพริกขี้หนูภาคใต้มีความเผ็ดที่สุดเมื่อเทียบกันเม็ดต่อเม็ด แต่เมื่อย้ายพันธุ์จากภาคใต้ไปปลูกในเมือง ความเผ็ดกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ใครมีข้อมูลหรือคิดเห็นเพิ่มเติมก็อยากเชิญมาแชร์กันครับ

Read More

การปลูกพริกชี้ฟ้า ให้ได้ลูกใหญ่ ขายดี

พริกเป็นวัตถุดิบในครัวไทย พริกมักใช้ในรูปของพริกแห้ง พริกแดงมักใช้มากกว่าพริกเขียว นำไปตากแห้งและบดเป็นเครื่องแกงต่างๆ ใส่ลงไปในต้มยำกงหรือต้มยำกงแล้วย่างหรือย่างจนมีกลิ่นหอมหรือบรรจุหีบห่อทอดเพื่อขาย พริกสดมีหลายสี สีที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ สีเขียว สีแดง และสีเหลือง ซึ่งมีรสเผ็ดกว่าสีอื่นๆ จึงนิยมนำมาบดกับกระเทียมและใส่ในผัดเผ็ด ส่วนสีแดงและเขียวหั่นเป็นชิ้นแล้วใส่ในแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน พริกผัด หรือหั่นเป็นชิ้นแล้วเคี่ยวในน้ำส้มสายชู ใช้เป็นเครื่องปรุงรสสำหรับบะหมี่ อุบลราชธานีเป็นที่รู้จักมายาวนานในฐานะผู้ผลิตพริกคุณภาพสูงซึ่งมีจำหน่ายตามตลาดทั่วประเทศ แต่เกษตรกรผู้ปลูกพริกไทยส่วนใหญ่ยังคงประสบปัญหาทั่วไป: มันไม่ต้านทานโรค ผลไม้ไม่ได้ให้ผลผลิตสูง และไม่ถึงน้ำหนักที่ตลาดต้องการ แต่เมื่อการวิจัยและการทดลองเริ่มขึ้น พริกแดงลูกผสม TA100 ของบริษัท ยูนง จำกัด ก็ปลูกไปแล้ว และปัญหาทั้งหมดก็คลี่คลาย ทำให้เกษตรกรเหลือพื้นที่ปลูกพริกน้อยกว่าไร่เล็กน้อย ปลูกพริกมีรายได้ปีละหลายแสนบาท พริกพันธุ์ท้องถิ่นเดิมเคยปลูกไว้ ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกันแต่ไม่ใช่สิ่งที่ตลาดต้องการ เพราะผลมันใหญ่และเผ็ดมาก นอกจากนี้ผลลัพธ์ยังแตกต่างกันอย่างมาก รวมทั้งไม่ทนต่อโรคซึ่งทำให้การปลูกทุกครั้งไม่คุ้มกับการลงทุน จึงหันมาปลูกพืชอื่นๆ เช่น ผักบุ้ง พริกหยวก และข้าว

Read More