การเลี้ยงไกไข่ให้โตไว

สายพันธุ์ไก่ไข่ที่ให้ผลผลิตสูงและเป็นที่นิยมในประเทศไทย มีหลากหลายสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไปทั้งในด้านขนาด สี และปริมาณอาหารที่ต้องการ โดยข้อมูลนี้รวบรวมจากประสบการณ์ของผู้เลี้ยงไก่หลากหลายพันธุ์ ซึ่งได้เรียงลำดับตามจำนวนผลผลิตไข่ต่อปี ตั้งแต่น้อยไปมาก ดังนี้

– พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค ให้ผลผลิตเฉลี่ย 200-220 ฟองต่อปี – พันธุ์ไทย-พลีมัทร็อค ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-250 ฟองต่อปี – พันธุ์สามสาย ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-250 ฟองต่อปี – พันธุ์โร้ดไอส์แลนด์เรด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-270 ฟองต่อปี – พันธุ์เลกฮอร์นขาว ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ลูกผสมกรมปศุสัตว์ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ซุปเปอร์ฮาร์โก้ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ไฮบริด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี การเลี้ยงไก่ไข่สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงมักไม่ต้องใช้พื้นที่มาก สำหรับพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่จำกัด การใช้พื้นที่เพียง 30 ตารางเมตรก็เพียงพอ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรไก่ในเล้า สิ่งสำคัญคือการจัดหาอาหารที่เหมาะสมและสถานที่ให้ไก่ได้เดินวิ่งเพื่อผ่อนคลาย หากต้องการให้ไก่ออกไข่อย่างสม่ำเสมอ ควรจัดแสงไฟฟลูออเรสเซนต์ในช่วงกลางคืนประมาณ 2-3 ชั่วโมงแทนแสงธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนกระบวนการออกไข่ ทั้งนี้ วิธีการดูแลสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดของผู้เลี้ยง ตัวอย่าง เช่น การเลี้ยงพันธุ์โร้ดไอส์แลนด์เรด ซึ่งดูแลง่าย สามารถใช้อาหารเหลือจากครัวเรือน เช่น เศษอาหาร หรือนำเศษอาหารมาปรุงเป็นอาหารไก่ เพื่อลดขยะครัวเรือน

หากต้องการเพิ่มปริมาณการออกไข่ อาจเสริมอาหารเม็ดที่มีสารอาหารครบถ้วน สำหรับการเลี้ยงตัวผู้หรือไก่โต้ง ข้อดีคือช่วยให้ไข่ที่ได้เป็นไข่ผสมพร้อมฟักเป็นตัว ส่งผลให้มีโอกาสได้พ่อแม่พันธุ์ใหม่ ลดต้นทุนในการซื้อไก่เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังช่วยให้เล้าไม่มีแม่ไก่ที่หยุดผลิตไข่ แต่หากมีไก่ที่หยุดออกไข่ สามารถนำไปปรุงอาหารได้ ในกรณีที่มีจำนวนตัวผู้มากเกินความจำเป็น

สามารถขายหรือแปรรูปเป็นอาหารได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงลักษณะนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกใจในการฆ่าสัตว์ เพราะอาจเกิดปัญหาเมื่อจำนวนไก่มากขึ้น แต่พื้นที่เลี้ยงไม่เพียงพอ สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกและประสบความสำเร็จในการเลี้ยงไก่ไข่