การปลูกสับปะรดอินทรีย์มีความสำคัญทั้งในเรื่องการดูแลดิน น้ำ และธาตุอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการปลูกเริ่มจากการให้ปุ๋ยรองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในครั้งแรกที่ลงปลูก และต่อเนื่องในระยะ 1-3 เดือนหลังการปลูก
หากขาดการให้ปุ๋ยรองพื้น สามารถใช้วิธีใส่ปุ๋ยบริเวณกาบใบล่างแทน โดยเพิ่มความถี่เป็น 3 ครั้ง ทั้งนี้ เมื่อต้นสับปะรดแสดงอาการใบเขียวซีดจากการขาดสารอาหาร ต้องปรับเพิ่มการให้ปุ๋ยในทันที ในเรื่องการให้น้ำ หากมีฝนตกสม่ำเสมอตลอดฤดูกาล อาจไม่จำเป็นต้องให้น้ำเพิ่มเติม แต่ในกรณีหน้าแล้งหรือตอนฝนทิ้งช่วง ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ลิตรต่อต้น โดยเฉพาะหลังใส่ปุ๋ยครั้งสุดท้าย เพื่อช่วยให้ต้นสับปะรดดูดซึมสารอาหารอย่างเต็มที่ รวมถึงก่อนและหลังการออกดอกควรรดน้ำเพื่อกระตุ้นการเติบโตของผล อย่างไรก็ตาม ควรหยุดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 15-30 วันเพื่อให้ผลสับปะรดมีสีเหลืองสด รสชาติหวาน และเนื้อฉ่ำน้ำที่น่ารับประทาน
สำหรับความต้องการธาตุอาหาร สับปะรดอินทรีย์ต้องการธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นหลัก โดยในแต่ละฤดูกาลผลิต ต้นสับปะรดหนึ่งต้นต้องการไนโตรเจน 6-9 กรัม ฟอสฟอรัส 2-4 กรัม และโพแทสเซียม 8-15 กรัม การเพาะปลูกในพื้นที่ 6,160 ต้นต่อไร่สามารถให้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 8.8 ตันต่อไร่ ส่วนการเพิ่มผลผลิต ก่อนบังคับต้นให้ออกผลประมาณ 1 เดือน ควรใช้ปุ๋ยมูลค้างคาวละลายน้ำฉีดพ่นให้ได้ประมาณ 2,500 ต้น ซึ่งใบจะเตรียมพร้อมสำหรับการผลิดอก และหยุดให้น้ำ 10-15 วันก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของพืช หากขาดไนโตรเจน
ใบอ่อนจะมีสีเขียวจาง ใบแก่เขียวเข้ม แต่ปลายใบอาจเปลี่ยนเป็นสีแดง หากขาดอย่างหนัก ผลผลิตจะลดลง ไม่มีหน่อหรือตะเกียง ส่วนน้ำหนักและคุณภาพผลจะแย่ลง หากต้นขาดโพแทสเซียม ใบจะไหม้บริเวณปลาย มีจุดไหม้ที่ใบแก่ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งไปในที่สุด ผลสุกช้า ขนาดเล็ก และมีกรดต่ำ แม้ธาตุฟอสฟอรัสจะต้องการน้อยกว่าไนโตรเจนและโพแทสเซียม แต่หากดินขาดธาตุนี้ ต้นสับปะรดจะไม่แข็งแรง ทำให้ผลผลิตลดลง ขณะเดียวกัน ธาตุเหล็กมีความสำคัญไม่น้อย โดยหากขาดเหล็ก ใบอ่อนจะซีดและเริ่มมีแต้มแดงที่ใบ พร้อมทั้งปลายรากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ไม่มีรากแขนง ผลจะแก่เร็วกว่าปกติและมีกรดต่ำ ในพื้นที่ดินทรายหรือพื้นที่ที่มีอินทรีย์วัตถุต่ำ มักพบการขาดธาตุทองแดงและสังกะสี ใบอ่อนจะบิดเบี้ยว แคบ และเหลืองอ่อน ส่งผลให้ผลสุกไวขึ้น ผิวผลไม่ทนแดด อาจเกิดแผลไหม้บนเปลือก สับปะรดโดยทั่วไปมีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 4-5 ปี ครั้งแรกสามารถเก็บเกี่ยวได้หลัง