การปลูกต้นว่านพญานาคราช

ต้นว่านพญานาคราชเป็นพืชที่เราสามารถพบได้ทั่วไปในเขตร้อนใกล้มหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงในภูมิภาคแอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ในประเทศไทย พืชชนิดนี้มีการกระจายอยู่หลายพื้นที่ คุณประโยชน์ของต้นว่านพญานาคราชมีความโดดเด่นในการใช้บรรเทาพิษจากสัตว์มีพิษ เช่น งู โดยการนำเถามาผสมกับเหล้าขาวหรือน้ำซาวข้าว แล้วใช้พอกแผลเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด มีคุณสมบัติเป็นยาเย็นแต่ไม่ได้ดูดพิษโดยตรง สำหรับวิธีการขยายพันธุ์ นิยมใช้การปักชำ เนื่องจากต้นมีตาดอกรอบลำต้นที่สามารถเกิดหน่อใหม่ได้ทุกส่วน แม้ในสภาพแสงน้อยก็สามารถแตกกิ่งและกลายเป็นต้นใหม่เร็วกว่าปกติ วิธีขยายพันธุ์จะใช้การตัดลำต้นเป็นท่อนยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร แล้วใช้ขี้เถ้าทาปิดแผลเพื่อกำจัดยางก่อนปลูก หรือวางไว้ในที่ร่มก็จะแตกหน่อง่าย สำหรับการปลูก ควรเลือกดินที่โปร่งเพื่อให้รากแตกรวดเร็วขึ้นและป้องกันการเน่า ดินผสมสำหรับพืชตระกูลถั่วหรือดินใบก้ามปูผสมกับกาบมะพร้าวสับจะเหมาะสม การเลือกกระถาง ควรใช้แบบฉลุที่มีรูรอบๆ เพื่อให้น้ำและอากาศผ่านได้ดี ส่วนการดูแล ให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเบาๆ บนผิวดินแต่ระวังไม่ให้ดินแน่น การใช้ปุ๋ยละลายช้าใส่รอบโคนต้นช่วยกระตุ้นการเติบโต ควรเปลี่ยนดินทุก 3-4 เดือน เพราะดินที่แน่นเกินไปจะทำให้โคนรากแห้งและกระตุ้นให้แตกหน่อง่ายขึ้น

Read More

การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว ควรเป็นดินที่มีเนื้อดินร่วนถึงเหนียวร่วน และจำเป็นต้องระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป ดินที่ไม่ระบายน้ำหรืออากาศดี มีน้ำขัง หรือมีชั้นดินดานไม่เหมาะสม นักพืชจะเติบโตช้าและให้ผลผลิตต่ำ สำหรับหน่อไม้ฝรั่งสีขาว ในการเลือกเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า ควรเลือกเมล็ดที่งอกได้ดีและตรงตามพันธุ์น้ำหนัก 1 ปอนด์ มีเมล็ดประมาณ 13,000-23,000 เมล็ด ซึ่งเพียงพอสำหรับเพาะต้นกล้าสำหรับพื้นที่ปลูก 2-4 ไร่ ใช้พื้นที่เพาะประมาณ 500-600 ตารางเมตร การเตรียมแปลงปลูก ทำให้แปลงเปิดโล่งไม่มีร่มเงา ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ขุดหน้าดินและหมักด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักครบถ้วน แล้วกำจัดวัชพืชออก การปลูกหน่อไม้ฝรั่งขาว ทำได้โดยขุดหลุมลึกและกลบดินให้สูงกว่าระดับปกติ ทำให้หน่อไม้มันอยู่ใต้ดินไม่โดนแสง การปลูกคือขุดดินลึก 30-35 ซม. รองพื้นด้วยปุ๋ยและหน้าดิน ทำเนินกลางหลุมก่อนวางกล้า ซึ่งอาจใช้เมล็ดหรือกล้าอายุ 4-6 เดือน ในการปลูกทั่วไป ดินจะสูงประมาณ 25-30 ซม. โดยการพูนดินและกำจัดวัชพืชควบคู่กับการใส่ปุ๋ยจะช่วยให้ได้หน่อไม้ฝรั่งขาวและตลาดต้องการสูง การเก็บเกี่ยวทำได้ประมาณ 8-10 เดือนหลังจากเพาะเมล็ด เก็บเกี่ยวในช่วงเช้าเมื่อยอดหน่อโผล่พ้นดินประมาณ 0.5 ซม. แล้วขุดเก็บและกลบดินไว้เดิม หน่อควรเก็บในที่ไม่มีแสงแดดด้วย ส่วนหน่อไม้ฝรั่งสีเขียวเก็บผลผลิตตามปกติจากต้นที่ไม่ได้พูนดิน หน่อจะมีสีเขียว ส่วนหน่อไม้ฝรั่งสีม่วงเป็นอีกสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยนิยมปลูก

Read More

วิธีปลูกผักกาดขาว

วิธีการปลูกผักกาดขาวให้ได้ผลผลิตดี เริ่มจากการเตรียมดินเพื่อให้ได้ผักกาดขาวที่มีคุณภาพ ควรใช้น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ (อัตราส่วน 1:100) ฉีดพ่นในดินที่ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ผสมให้เข้ากันและตากดินไว้ 1 วัน หากใช้น้ำส้มควันไม้เกินอัตรา ให้ตากดินไว้นานขึ้นหนึ่งเท่าตัว ในแปลงเพาะกล้าหรือแปลงนา ควรไถดินและตากไว้ 5-7 วัน พร้อมฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้เพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังจากนั้นคลุกเคล้าด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจนเนื้อดินร่วนซุย โดยเฉพาะผิวหน้าดิน เพื่อป้องกันเมล็ดผักที่มีขนาดเล็กไม่ให้ตกในดินลึกเกินไป ดินที่เหมาะสมควรมีแร่ธาตุสูง ร่วนซุย ระบายน้ำดี หากระบายน้ำเร็วและแห้งเกิน ใช้วัสดุคลุมหน้าดินเพื่อกักเก็บความชื้น สำหรับดินเปรี้ยวหรือเค็ม ใช้ปูนขาวช่วยปรับสภาพ ส่วนดินทรายควรเพิ่มปุ๋ยคอกหมัก ไม่ควรใช้มูลสัตว์สดเพราะอาจทำให้เกิดโรคในต้นผักได้ วิธีการปลูกหลัก ๆ มีสองแบบคือ 1. การปลูกแบบหว่านโดยตรง: เหมาะสำหรับพื้นที่กว้าง ใช้เมล็ดพันธุ์ราคาไม่แพง เทคนิคคือผสมเมล็ดกับทรายเพื่อกระจายตัวดี หว่านทับด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพและคลุมฟาง คอยรดน้ำจนกระทั่งต้นงอก เมื่อมีใบจริง 1-2 ใบ ให้ถอนแยกห่างกัน 30-50 เซนติเมตร 2. การปลูกแบบหยอดลงหลุม เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดหรือปลูกในกระถาง หยอดเมล็ด 3-5 เมล็ดต่อหลุม กลบดินบาง ๆ แล้วถอนแยกเมื่อมีใบจริง 2 ใบเหลือหลุมละ…

Read More

การปลูกเห็ดนางฟ้าสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง

การเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นกระบวนการสร้างรายได้ที่สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้ตามความพร้อมของผู้เพาะ โดยมีขั้นตอนดังนี้: 1. การเตรียมอุปกรณ์และการลงทุนเริ่มต้น ในช่วงเริ่มแรกจำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์สำหรับการเพาะ เช่น หม้อนึ่งความดัน ขวดต้ม วัสดุเพาะ ขี้เลื่อย และอื่น ๆ การลงทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดการผลิต หากมีงบประมาณจำกัด สามารถปรับใช้โรงเรือนเดิมที่มีอยู่ได้ หรือเลือกลงทุนเฉพาะบางขั้นตอน เช่น การซื้อก้อนเชื้อสำเร็จรูปมาทำต่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อน 2. เริ่มต้นด้วยการผลิตเชื้อวุ้น และเชื้อข้าวฟ่างเพื่อเพาะเห็ด ในขั้นตอนนี้ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ซื้อเชื้อสำเร็จรูปมาใช้ก่อนเนื่องจากการผลิตเองต้องใช้อุปกรณ์และความชำนาญ ความไม่ชำนาญอาจทำให้ต้นทุนสูงเกินควร เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นในระยะ 1-2 ปี สามารถเริ่มทำเชื้อเองได้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย การทำเชื้อวุ้นนั้นใช้อุปกรณ์ เช่น วุ้น PDA และเมล็ดข้าวฟ่าง ซึ่งให้ผลผลิตคุณภาพสูงกว่าขี้เลื่อยธรรมดา อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการทำข้าวฟ่างก็สูงกว่าเช่นกัน 3. การทำหัวเชื้อเห็ดนางฟ้า วัสดุสำหรับทำหัวเชื้อ เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา (หรือขี้เลื่อยไม้ชนิดอื่น) ผสมกับรำละเอียด แป้งข้าวเจ้า/น้ำตาลทราย ดีเกลือ และปูนขาว ให้ได้ความชื้นอยู่ระหว่าง 60-70% จากนั้นหมักไว้ประมาณ 7-10 วัน วัสดุที่ใช้ในการถ่ายเชื้อจะต้องสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อน หลังจากเตรียมวัสดุเสร็จ…

Read More

ประโยชน์ของแก่นตะวัน

การปลูกและการขยายพันธุ์แก่นตะวัน ต้นแก่นตะวันถือเป็นพืชที่ปลูกง่ายโดยธรรมชาติ ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี หากดินมีความแข็ง อาจทำให้หัวหรือแง่งมีขนาดเล็ก แต่หากดินไม่แข็งจนเกินไป หัวสามารถเจริญเติบโตได้ดีและมีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมขัง เพราะสภาพแฉะจะทำให้หัวเน่าง่าย **การปลูกแก่นตะวัน** สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่อย่างไรก็ดี แนะนำว่าควรเริ่มปลูกในช่วงปลายฤดูฝน หากปลูกในช่วงฤดูแล้ง จำเป็นต้องมีระบบน้ำที่เหมาะสมเพราะในช่วงแรกพืชต้องการความชื้นสูง โดยควรรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเพื่อเร่งการเติบโตของต้นอ่อน สำหรับวิธีปลูก สามารถใช้หัวหรือแง่งที่สมบูรณ์มาหั่นให้เป็นท่อนขนาด 2-3 เซนติเมตร จากนั้นนำหัวที่หั่นไว้ไปบ่มในถังที่มีความชื้นประมาณ 1 วัน วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการงอกของต้นอ่อน ก่อนนำไปปลูกในแปลง หากไม่ต้องการบ่ม สามารถนำหัวลงปลูกได้ทันที แต่ต้นอาจงอกช้ากว่าเล็กน้อย **ขั้นตอนการเตรียมดิน** เริ่มด้วยการไถพรวนดินครั้งแรกและตากดินไว้ประมาณ 7 วัน จากนั้นจึงไถครั้งที่สองเพื่อทำให้ดินละเอียด และไถอีกครั้งเพื่อสร้างร่องสำหรับปลูก หากต้องการลดเวลาการเตรียมดิน สามารถไถพรวนและชักร่องพร้อมกันได้เลย รูปแบบการปลูกมี 2 วิธีหลักในการปลูก คือ ปลูกด้วยหัวพันธุ์และปลูกด้วยต้นกล้าที่เพาะมาแล้ว การปลูกด้วยหัวพันธุ์ หลังจากเตรียมหัวพันธุ์แล้ว ให้นำหัวพันธุ์ไปคลุกกับยากันเชื้อรา ตามอัตราส่วนที่ระบุไว้บนฉลาก ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้สารซึมเข้าเนื้อหัว ก่อนนำไปหยอดลงในร่องที่เตรียมไว้ ระยะห่างระหว่างต้นควรอยู่ที่ 20 เซนติเมตร…

Read More

การปลูกสับปะรด

การปลูกสับปะรดอินทรีย์มีความสำคัญทั้งในเรื่องการดูแลดิน น้ำ และธาตุอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการปลูกเริ่มจากการให้ปุ๋ยรองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในครั้งแรกที่ลงปลูก และต่อเนื่องในระยะ 1-3 เดือนหลังการปลูก หากขาดการให้ปุ๋ยรองพื้น สามารถใช้วิธีใส่ปุ๋ยบริเวณกาบใบล่างแทน โดยเพิ่มความถี่เป็น 3 ครั้ง ทั้งนี้ เมื่อต้นสับปะรดแสดงอาการใบเขียวซีดจากการขาดสารอาหาร ต้องปรับเพิ่มการให้ปุ๋ยในทันที ในเรื่องการให้น้ำ หากมีฝนตกสม่ำเสมอตลอดฤดูกาล อาจไม่จำเป็นต้องให้น้ำเพิ่มเติม แต่ในกรณีหน้าแล้งหรือตอนฝนทิ้งช่วง ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ลิตรต่อต้น โดยเฉพาะหลังใส่ปุ๋ยครั้งสุดท้าย เพื่อช่วยให้ต้นสับปะรดดูดซึมสารอาหารอย่างเต็มที่ รวมถึงก่อนและหลังการออกดอกควรรดน้ำเพื่อกระตุ้นการเติบโตของผล อย่างไรก็ตาม ควรหยุดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 15-30 วันเพื่อให้ผลสับปะรดมีสีเหลืองสด รสชาติหวาน และเนื้อฉ่ำน้ำที่น่ารับประทาน สำหรับความต้องการธาตุอาหาร สับปะรดอินทรีย์ต้องการธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นหลัก โดยในแต่ละฤดูกาลผลิต ต้นสับปะรดหนึ่งต้นต้องการไนโตรเจน 6-9 กรัม ฟอสฟอรัส 2-4 กรัม และโพแทสเซียม 8-15 กรัม การเพาะปลูกในพื้นที่ 6,160 ต้นต่อไร่สามารถให้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 8.8 ตันต่อไร่ ส่วนการเพิ่มผลผลิต ก่อนบังคับต้นให้ออกผลประมาณ 1 เดือน ควรใช้ปุ๋ยมูลค้างคาวละลายน้ำฉีดพ่นให้ได้ประมาณ…

Read More

วิธีการเลือกกล้วยด่างที่เหมาะสม

กล้วยด่าง แท้หรือเทียม วิธีดูที่ควรรู้ ตลาดต้นไม้และการจัดสวนในประเทศไทย แม้ว่าบางช่วงจะดูเงียบเหงา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ความต้องการในพันธุ์ไม้งามไม่ได้ลดลงเลย เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนชนิดตามกระแสความนิยมในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ชนิดใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสนใจของตลาดในขณะนั้น หนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอ คือ “กล้วยด่าง” ซึ่งกระแสของมันยังไม่ถูกแทนที่จนขายไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของเดิมยังคงเลี้ยงและขยายพันธุ์ หรือผู้ที่ยังไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของก็ยังคงมีความต้องการ ส่วนเทคนิคในการดูว่ากล้วยด่างนั้นแท้หรือเทียม เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนมาก เพียงแค่ **ต้องดูต้นจริงและเห็นลักษณะการด่างอย่างชัดเจนด้วยตนเอง กล้วยด่างแท้ VS กล้วยด่างเทียม แตกต่างอย่างไร กล้วยด่างแท้ เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติทางพันธุกรรม สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ใบ ลำต้น ไปจนถึงผล โดยลักษณะการด่างนั้นจะไม่กลับสู่ปกติ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะที่กล้วยด่างเทียมหรือปลอม จะเป็นต้นกล้วยธรรมดาที่แสดงลักษณะผิดปกติชั่วคราว ซึ่งหากได้รับการดูแลดี ก็สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ วิธีสังเกตกล้วยด่างแท้ ลักษณะสำคัญของกล้วยด่างแท้ ได้แก่ – มีความด่างเด่นชัด ตำแหน่งของการด่างใหญ่และสังเกตเห็นง่าย – สีสันคมชัด และตำแหน่งของการด่างไม่สม่ำเสมอ – หากมีต้นแม่พันธุ์ ลักษณะของต้นลูกจะคล้ายคลึงกับแม่พันธุ์ – ต้นแต่ละต้นมีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนกัน – มีแหล่งที่มาชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ – ความด่างเกิดขึ้นจากพันธุกรรม…

Read More

การปลูกแก้วมังกร

เทคนิคการกระตุ้นให้แก้วมังกรออกผลนอกฤดูนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ต้นแก้วมังกรจัดเป็นพืชในตระกูลตะบองเพชรที่ชื่นชอบแดดจัด มักให้ผลผลิตช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว วันที่สั้นลงและแดดลดเหลือไม่ถึง 6 ชั่วโมง กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้การผลิตผลช่วงนี้เป็นเรื่องท้าทาย สำหรับวิธีปลูกแก้วมังกรนอกฤดูที่นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์ มีอยู่ 2 วิธีหลัก ดังนี้ 1. ใช้ฮอร์โมนกระตุ้นให้ต้นแก้วมังกรออกดอก โดยการแต้มฮอร์โมนตามหนามของต้นเพื่อเร่งการออกดอก ฮอร์โมนที่นิยมใช้ส่วนใหญ่เป็นประเภทไซโตไคนิน ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วไป ขั้นตอนคือ กรีดแผลบริเวณที่ต้องการกระตุ้น จากนั้นใช้พู่กันแต้มฮอร์โมนบริเวณบาดแผล แล้วรอให้เกิดตาดอก แนะนำให้กรีดแผลในบริเวณที่ต่ำกว่ายอดของกิ่งแก้วมังกรเล็กน้อย 2. การเปิดไฟช่วยในช่วงกลางคืน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนชั่วโมงแสงในหน้าหนาว โดยเปิดไฟประมาณ 6 ชั่วโมงต่อคืน เมื่อกลางวันสั้นลง แสงไฟจะเสริมให้ต้นแก้วมังกรได้รับแสงเพียงพอและเพิ่มความอบอุ่น ทำให้สามารถกระตุ้นการเกิดผลผลิตได้ดี โดยควรมุ่งเปิดไฟบนต้นที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงเท่านั้น การเพิ่มปริมาณแสงด้วยไฟหลอกสามารถทำได้ทุกช่วง ไม่จำกัดเฉพาะฤดูหนาว แต่ไม่ควรเปิดไฟหลอกทั้งปี เพราะอาจส่งผลเสีย เช่น เพิ่มค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า และทำให้ต้นแก้วมังกรอ่อนแอจากการเร่งผลิตผลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อรุ่นถัดไป ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ ความหวาน หรือคุณภาพน้ำหนักของผลผลิต นอกจากวิธีดังกล่าว การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมและการดูแลต้นให้แข็งแรง ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การปลูกแก้วมังกรนอกฤดูประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ

Read More

การเลี้ยงไกไข่ให้โตไว

สายพันธุ์ไก่ไข่ที่ให้ผลผลิตสูงและเป็นที่นิยมในประเทศไทย มีหลากหลายสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไปทั้งในด้านขนาด สี และปริมาณอาหารที่ต้องการ โดยข้อมูลนี้รวบรวมจากประสบการณ์ของผู้เลี้ยงไก่หลากหลายพันธุ์ ซึ่งได้เรียงลำดับตามจำนวนผลผลิตไข่ต่อปี ตั้งแต่น้อยไปมาก ดังนี้ – พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค ให้ผลผลิตเฉลี่ย 200-220 ฟองต่อปี – พันธุ์ไทย-พลีมัทร็อค ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-250 ฟองต่อปี – พันธุ์สามสาย ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-250 ฟองต่อปี – พันธุ์โร้ดไอส์แลนด์เรด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 220-270 ฟองต่อปี – พันธุ์เลกฮอร์นขาว ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ลูกผสมกรมปศุสัตว์ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ซุปเปอร์ฮาร์โก้ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี – พันธุ์ไฮบริด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 280-300 ฟองต่อปี การเลี้ยงไก่ไข่สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงมักไม่ต้องใช้พื้นที่มาก สำหรับพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่จำกัด การใช้พื้นที่เพียง 30 ตารางเมตรก็เพียงพอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรไก่ในเล้า สิ่งสำคัญคือการจัดหาอาหารที่เหมาะสมและสถานที่ให้ไก่ได้เดินวิ่งเพื่อผ่อนคลาย…

Read More