ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่อยู่ในช่วง 5.5-6.5 โดยเฉลี่ยแล้ว พืชผลสามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานถึงประมาณ 2 ปี แต่ปัจจุบันพืชชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ผลผลิตลดลงหรือคุณภาพไม่ดี มีลักษณะแคระแกร็นหรือผิดรูป และในบางครั้งยังเกิดภาวะขาดตลาดอีกด้วย สำหรับผู้ที่ปลูกไว้บริเวณบ้าน
ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะสามารถใช้บริโภคเองได้ และการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก ทั้งในกระถางหรือปลูกลงแปลงดินก็ได้ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทางสมุนไพรที่หลากหลาย เช่น ลำต้นและรากช่วยแก้บิดเรื้อรัง อุจจาระเป็นเลือด หรือรักษาแผลอักเสบ ใบนำไปต้มดื่มแก้ปัสสาวะขัด และรักษาโรคหนองใน ใบสดก็ตำพอกแผลหนองเพื่อบรรเทาอาการ ส่วนผลแห้งสามารถทำเป็นยาเม็ดรักษาอาการปวดหรือตกเลือดในลำไส้ ขณะที่ขั้วผลแห้งสามารถเผาเป็นเถ้าบดละเอียดและใช้เป็นยาได้ การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตเร็วและมีคุณภาพ
ต้องเริ่มต้นจากการเตรียมดินอย่างเหมาะสม เพราะพืชตระกูลมะเขือมีความต้องการธาตุอาหารจากดินในปริมาณมาก โดยเฉพาะธาตุอาหารหลัก หากเป็นการปลูกลงแปลง ควรเริ่มจากปรับหน้าดินให้เรียบ ผสมดินกับปุ๋ยคอกในอัตรา 1:1 และพูนดินหรือขุดร่องลึกประมาณ 20 นิ้ว ตากดินให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนนำมาผสมกับปุ๋ยเพื่อกลบลงในร่อง ส่วนปลูกในกระถาง
ควรรองก้นกระถางด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักครึ่งกระถาง แล้วกลบด้วยดินผสมปุ๋ยหมักอีกชั้น สำหรับการเพาะกล้า สามารถหว่านเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือถ้าปลูกในกระถาง ให้หยอดเมล็ด 2-3 เมล็ดต่อกระถางแล้วกลบด้วยดินผสมบาง ๆ พร้อมคลุมด้วยเศษหญ้าแห้งหรือฟางเพื่อรักษาความชื้น ระยะเริ่มต้นควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ค่อยถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก ในช่วงแรกของการปลูก ควรดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แม้มะเขือยาวจะทนต่อน้ำท่วมในระดับหนึ่ง แต่หากดินแห้งเกินไปจะทำให้ต้นเหี่ยวเฉาและไม่ออกดอกหรือผล นอกจากนี้ ควรพรวนดินกำจัดวัชพืช และเสริมด้วยปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักและรองบางครั้ง ระยะเวลาจนเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 60-80 วัน