คาร์บอนของต้นไม้เป็นกระบวนการช่วยลดชั้นบรรยากาศ

การดูดซับคาร์บอนโดยต้นไม้ การประมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้จากต้นไม้ 1 ต้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของต้นไม้ อายุ ขนาด ความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และสภาพแวดล้อมการเติบโต โดยทั่วไปการประเมินจะพิจารณาจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นไม้สามารถดูดซับและกักเก็บได้ตลอดอายุของมัน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:

การดูดซับคาร์บอนของต้นไม้เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้นไม้ทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศร่วมกับน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสร้างอาหารในรูปของน้ำตาล พร้อมทั้งปลดปล่อยออกซิเจนกลับคืนสู่ธรรมชาติ

นอกจากนี้ ต้นไม้ยังเก็บสะสมคาร์บอนในรูปของมวลชีวภาพ เช่น ลำต้น กิ่งก้าน ใบ และราก ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่สะสมอยู่ในบรรยากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพิจารณาถึงการใช้พื้นที่สีเขียวหรือการปลูกป่าเพิ่มขึ้น การส่งเสริมการฟื้นฟูพื้นที่ที่เสื่อมโทรมจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซับคาร์บอนของระบบนิเวศ ขณะเดียวกัน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้กระบวนการนี้คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในระยะยาว

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้และสภาพแวดล้อมที่ปลูก หากคิดตลอดช่วงอายุการเจริญเติบโตประมาณ 40-50 ปี ต้นไม้ 1 ต้นสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 1 ตัน (หรือ 1,000 กิโลกรัม) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามชนิดของต้นไม้และปัจจัยต่างๆ **ศักยภาพทางรายได้จากคาร์บอนเครดิต** การประเมินรายได้ในรูปของคาร์บอนเครดิตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ราคาในตลาดคาร์บอนเครดิต ชนิดของต้นไม้ อายุ และพื้นที่ปลูก ทั้งนี้ราคาคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)

สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกลไกตลาด ปัจจุบัน (ข้อมูลปี 2024) ราคาคาร์บอนเครดิตในตลาดโลกอยู่ระหว่างประมาณ 10-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 350-1,750 บาทต่อตัน ดังนั้น หากต้นไม้ 1 ต้นสามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณ 1 ตันตลอดช่วงชีวิต และราคาคาร์บอนเครดิตเฉลี่ยอยู่ที่ 10-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ รายได้จากแต่ละต้นอาจอยู่ที่ประมาณ 350-1,750 บาทตลอดอายุการเติบโต โดยทั่วไป ต้นไม้เริ่มสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตได้เมื่ออายุประมาณ 5 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ขนาดต้นไม้ใหญ่พอจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่สามารถนับเป็นเครดิตได้ อย่างไรก็ตาม ในบางโครงการ อาจพิจารณานำคาร์บอนเครดิตมาคำนวณได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้และวิธีการคำนวณที่ใช้ในแต่ละโครงการ